นี่คือโอกาสดี ที่จะเริ่มสร้างธุรกิจของท่าน

เวลาเกิดวิกฤต ผู้คนส่วนใหญ่จะตื่นตระหนกตกใจกับวิกฤตที่อยู่ตรงหน้า พอตื่นตระหนกสมองก็จะวนเวียนอยู่กับภาพแห่งวิกฤตนั้น

แต่ในความจริง ทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนกฎของการมีคู่....เช่น มีขาว ก็ต้องมีดำ มีดี ก็ต้องมีร้าย มีผิดหวัง ก็มีสมหวัง....นี่คือ ธรรมชาติ หรือ ธรรมดาของโลก

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า ธรรมชาติ หรือ ธรรมดาของโลก คืออะไร สิ่งที่เราควรจะทำต่อก็คือ หยุดตื่นตระหนก กับวิกฤต แล้วหันมามองหาโอกาส

ย้อนกลับมาที่ชื่อบทความ “นี่คือโอกาสดี ที่จะเริ่มสร้างธุรกิจของท่าน”

การเกิดขึ้นของวิกฤต ยกตัวอย่างเช่น “วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด” ซึ่งทำให้ทุกอย่างที่เคยดำเนินมาอย่างเป็นปกติ ต้องหยุดลง หรือ อาจจะต้องสูญหายไปเลย...เช่น ธุรกิจ หรือ กิจกรรมบางอย่าง

แต่สิ่งที่ไม่ได้หยุดไปกับธุรกิจ หรือ กิจกรรมบางอย่าง คือ ความต้องการของผู้คน

ใช่ครับ ความต้องการ หรือ Demand  ของผู้คนยังคงมีอยู่

นี่หมายความว่าอะไร

มันหมายความว่า “เมื่อวิธีการรูปแบบเดิมไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนได้ วิธีการใหม่ๆ หรือ โอกาสทางธุรกิจใหม่ ย่อมต้องเกิดขึ้นมา”

ขอตอกย้ำอีกครั้งว่า นี่คือ ธรรมชาติของโลก เมื่อสิ่งหนึ่งหายไป ก็จะมีสิ่งใหม่มาทดแทน

หากใครเห็นโอกาสนี้ ก็จงอย่าทิ้งโอกาสนี้ไป

เพราะนี่คือ โอกาสในการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ที่อาจจะมาทดแทน หรือ เสริมแหล่งรายได้เดิมที่มีอยู่กับเป็นได้

หากท่านตัดสินจะคว้าโอกาสเหล่านี้ สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องทำความเข้าใจก็คือ เส้นทางของโอกาสทางธุรกิจ หรือ วงจรชีวิตของมัน

ความเข้าใจในสิ่งนี้ จะช่วยให้ท่านปั้นโอกาสแห่งธุรกิจ ให้เป็นรูปธรรม และเติบโต ได้อย่างมืออาชีพ

มาทำความเข้าใจกับ “วงจรชีวิตธุรกิจ” กันดีกว่า

วงจรชีวิตธุรกิจแบบออกเป็น 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงเริ่มต้น หรือ Launch

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ธุรกิจเริ่มเปลี่ยนไอเดียทางธุรกิจให้เป็นสินค้า และบริการ

และเมื่อมีความมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วก็จะปล่อยสินค้า หรือ บริการของตนเอง เข้าสู่ตลาด

ยอดขายจะค่อนข้างต่ำ หรือบางทีอาจจะขายไม่ออก

พูดง่ายๆ ช่วงนี้เป็นช่วงลองผิดลองถูก เป็นช่วงที่ต้องทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรู้จักสินค้า และบริการของตนเอง อีกทั้งยังต้องมีการลงทุนใหม่ๆ ในช่วงแรกเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ

ดังนั้น ช่วงนี้ กระแสเงินสดอาจจะติดลบ ดังนั้นจำเป็นต้องมีเงินสำรองในระดับหนึ่ง

หากมีการวางแผนธุรกิจ วางแผนการเงิน เป็นอย่างดี ธุรกิจก็จะสามารถผ่านพ้นช่วงแรกนี้ไปได้

ช่วงเติบโต หรือ Growth

หลังจากผ่านช่วงแรกมาได้ ลูกค้าจะเริ่มรู้จักสินค้า หรือ บริการมากขึ้น ยอดขายของธุรกิจจะเริ่มเติบโต กระแสเงินสดจะเปลี่ยนจากติดลบ มาเป็นบวก

ช่วงขยายตัว หรือ Expansion

เมื่อเติบโตมาได้สักระยะหนึ่ง เริ่มมีเงินสดสะสมมากขึ้น และหากอุตสาหกรรมที่ธุรกิจนั้นดำเนินการอยู่ ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้ประกอบการก็จะนำเงินสดสะสม มาวางแผนในการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตให้มากขึ้น

การขยายตัวจะทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น เงินสดสะสมจะเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรอาจจะลดลงเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจจะต้องเผชิญกับการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจ

ช่วงอิ่มตัว หรือ Maturity

เมื่อถึงจุดที่อุตสาหกรรม หรือ ตลาดที่ธุรกิจนั้นทำธุรกิจอยู่ เกิดการอิ่มตัว หรือ ไม่มีการเติบโตแล้ว ก็จะส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจเริ่มนิ่ง ในขณะที่ต้นทุนในการทำธุรกิจ มีต้นทุนเท่าเดิม หรือ อาจจะเพิ่มขึ้น

และนี่เป็นสัญญานที่เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้ประกอบการ ต้องเตรียมตัวคิดอะไรใหม่ๆ (ซึ่งจริงแล้ว ต้องเริ่มคิดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก หากเข้าใจในเรื่องวงจรชีวิตธุรกิจ)

เพื่อเตรียมมาทดแทนธุรกิจในปัจจุบัน ที่มีแนวโน้มว่าจะไม่มีการเติบโต หรือ ลดการเติบโต ในเวลาอันใกล้นี้

ช่วงเสื่อมถอย หรือ Decline

ชีวิตคน มีเกิดแก่เจ็บตาย ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจก็มีเกิดแก่เจ็บตายเช่นเดียว

เมื่อมาถึงจุดที่ไม่มีความต้องการในสินค้า หรือ บริการนั้นแล้ว ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในสิ่งสำคัญๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี หรือ การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย หรือ อื่นๆ ธุรกิจนี้จะค่อยเสื่อมถอยไป หรือ เมื่ออาหารกระป๋องที่รอวันหมดอายุ

หากเจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้ประกอบการได้เตรียมตัวได้รับมือไว้ตั้งแต่ช่วงอิ่มตัวแล้ว ก็จะสามารถปรับตัวได้ทัน แต่หากธุรกิจได้ที่ไม่ได้เตรียมตัวรับมือมาก่อน ธุรกิจนั้นก็ถึงกาลอวสาน

นี่คือธรรมชาติของธุรกิจ ที่หากเราเข้าใจ เราก็สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจที่อยู่ตรงหน้า มาสร้างเป็นธุรกิจได้ตลอดเวลา ไม่มีวันสิ้นสุด ตราบใดที่เรามีใจรักที่จะทำมัน