คนวัยห้าสิบต้นๆ แบบผม ได้มีโอกาสเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย ในหลากหลายมิติ...
แต่ขอบอกเลยว่า การเปลี่ยนแปลงในช่วงสิบกว่าปีมานี้ เป็นการเปลี่ยนแปลง ที่นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ Big Change แล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แบบสุด ชนิดที่เรียกได้ว่า “เกือบๆ ติดจรวด” ที่หากเราไม่เฝ้าติดตามมันให้ดี เราอาจจะกลายเป็นคนล้าหลังได้ภายในเวลาช่วงข้ามคืน
จากทางเลือกที่น้อยนิด สู่ ทางเลือกที่มากขึ้น...คือสิ่งที่อินเทอร์เน็ตมอบให้กับเรา
การเปลี่ยนแปลงอันแรกที่จะพูดถึง ก็คือ อินเทอร์เน็ตได้สร้างทางเลือก ที่มากขึ้นให้กับผู้คน...
ยกตัวอย่างเช่น ทางเลือกในการบริโภค เราสามารถเลือกซื้อสินค้า ได้จากหลากหลายช่องทาง ผู้ค้าตามแย่งกันหยิบยื่น ทางเลือกต่างๆ มาให้กับเรามากมาย แตกต่างจากในอดีตที่เรามักถูกยัดเยียดผ่านช่องทางทางการตลาดแบบเดิม
ผู้คนเปลี่ยนการพูดคุยจากแบบเดิม มาเป็นการพูดคุยผ่าน Social Media ในรูปแบบต่างๆ จนเกิดคำศัพท์ยอดฮิต นั่นก็คือ “สังคมก้มหน้า”....
ล่าสุด การเกิดขึ้นของ Application การพูดคุยด้วยเสียง ที่เรียกว่า “Clubhouse” ซึ่งเหมือนเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการสื่อสารของผู้คน ก็ทำให้ผู้คนฮือฮากันไม่ใช่น้อย (แม้แต่นักการเมืองชื่อดัง ยังเกาะกระแส Clubhouse กับเขาด้วย)
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมต้องการทำให้ท่านเห็นภาพในสิ่งที่อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีดิจิทัล หยิบยื่นให้เราในปัจจุบัน และ รวมถึงสิ่งที่กำลังจะหยิบยื่นให้เราในอนาคต....
ใครอยากเป็นเศรษฐีออนไลน์...ฉันนะซิ ฉันนะซิ
เกริ่นนำ ไปนิดหน่อย...เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า ตอนนี้ เรากำลังอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยทางเลือก...ซึ่งถามว่า ดีไหม? หากเรามีทางเลือกมากมาย...แน่นอนมันต้องดีแน่นอน....
แต่บางครั้ง การมีทางเลือกมากมาย ก็ไม่ดีเสมอไป...ทำไมล่ะ...คำตอบก็คือ เราไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี แบบว่า อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ใช่ รักพี่เสียดายน้อง ทำนองนั้น
ดังนั้น หากใครก็ตาม ที่สามารถทำให้ผู้เลือก (ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย) สามารถเลือกสิ่งที่ตนเองนำเสนอ หนทางในการไปสู่การเป็น “เศรษฐีออนไลน์” ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
การที่จะทำตัวเอง หรือ ทำให้สินค้า หรือ บริการ ของตนเอง นั้นถูกเลือกจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในยุคดิจิทัล หรือ ในยุค Marketing รูปแบบใหม่....ที่ตอนนี้ มีคนบอกว่า มันก้าวสู่ยุค Marketing 5.0 ที่นอกเหนือไปจาก “การรู้จักใช้พลังอำนาจของอินเทอร์เน็ต” แล้ว ยังเสริมพลังแห่งการนำเสนอทางเลือกด้วยเทคโนโลยีล้ำๆ ที่ผสมผสานกับความเป็นมนุษย์เข้าไปด้วย
ในการที่ใครก็ตามจะก้าวสู่ธุรกิจออนไลน์ หรือ เป็นเศรษฐีออนไลน์ ที่โลดแล่น ในโลกแห่ง Marketing 5.0 and Beyond....เราต้องเข้าใจ 5 สุดยอด Marketing Trend ที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้
5 สุดยอด Marketing Trend มีอะไรบ้าง
จากภาพข้างต้น ได้สรุป 5 สุดยอด Marketing Trend...ที่ธุรกิจยุคใหม่ หรือ คนที่ต้องการจะเป็นเศรษฐีออนไลน์ ต้องรู้ ต้องเข้าใจ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจของตนเอง
Trend ที่หนี่ง ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เลิกการมโน (Data Driven Marketing)
อันดับแรก ต้องสามารถขับเคลื่อนการตลาดด้วยข้อมูล เช่น ข้อมูลจาก Social Media และข้อมูลที่อยู่ในรูปดิจิทัล ที่เกี่ยวข้องกับการตลาด รวมไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ...ห้ามขับเคลื่อนการตลาดด้วยการ “มโน”เด็ดขาด
คือแบบว่าต้องรู้ว่า ข้อมูลเหล่านี้ อยู่ที่ไหน จะรวบรวมมาได้อย่างไร จะเก็บมันอย่างไร จะวิเคราะห์มันอย่างไร....
การต้องรู้ข้างต้น มีทั้งแบบไม่สลับซับซ้อน ที่ง่าย และทำได้เพียงคนๆ เดียว หรือ 2-3 คน และ แบบที่สลับซับซ้อนต้องคนจำนวนมาก
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบง่ายๆ หรือ แบบยากๆ สิ่งที่จำเป็นคือ หากใครยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือ มองว่าไม่สำคัญ คงต้องเปลี่ยนความคิด ปรับความคิด หันมาทำความรู้จักกับมัน ตั้งแต่บัดนี้
ขอแนะนำของผม ก็คือ ให้เริ่มต้นแบบง่ายๆ ด้วยการทำความเข้าใจกับข้อมูล Stat ต่างๆ ใน Facebook....
หากยังมัว ใจเย็น อยู่ น่าจะอยู่ลำบากอย่างแน่นอน
Trend ที่สอง ตัดสินใจด้วยข้อมูล ได้อย่างรวดเร็ว ได้เปรียบคู่แข่ง (Agile Marketing)
แน่นอนที่สุด เมื่อรู้จักกับการรวบรวม การเก็บ และการวิเคราะห์....สิ่งที่ตามก็คือ ต้องรู้จักการใช้ข้อมูลการวิเคราะห์มาสนับสนุนการตัดสินใจทางการตลาด ที่ต้องเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว และทันเวลา ทันต่อสถานการณ์ทางการตลาดด้วย...
การตัดสินใจที่ถูกต้อง รวดเร็ว และทันเวลา...จะทำให้ธุรกิจมีความพลิ้ว สามารถปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์การตลาด...ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งแน่นอน หากคู่แข่งยังมะหงุ้มมะหง่าหร่า....ตัดสินใจช้า หรือ ตัดสินใจไม่ถูก
Trend ที่สาม ดักทางลูกค้า ด้วยการคาดการณ์ แนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า (Predictive Marketing)
หนึ่งในข้อมูลที่รวบรวม และจัดเก็บ ก็คือ ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า
การมีข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในปริมาณที่มากพอ จะช่วยให้เราเห็น Pattern พฤติกรรมของลูกค้า ที่โดยธรรมชาติแล้ว คนเรามักจะชอบทำอะไรซ้ำๆ รูปแบบเดิมๆ
เมื่อเราเข้าใจ Pattern ดังกล่าว เราจะคาดเดาพฤติกรรมในอนาคตของเขาได้ ไม่มากก็น้อย คล้ายกับเรารู้จักนิสัยของเพื่อนเราว่าเป็นอย่างไร เราก็พอจะคาดเดาพฤติกรรมของเขาได้ ว่าเขาน่าจะทำอย่างไรในอนาคต
เมื่อเราเข้าใจแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าได้ เราก็สามารถดักทางลูกค้า ซึ่งจะเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับธุรกิจ
Trend ที่สี่ รู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเหมือนเข้าใจตนเอง แบบนี้ใครจะไม่รัก (Contextual Marketing)
หลักการตลาดแบบ Classic ได้กล่าวไว้ว่า เราต้องสามารถกำหนด Segmentation ของลูกค้าได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ในด้านข้อมูลทั่วไป หรือ Demographic, ในด้านภูมิศาสตร์ หรือ Geographic, ในด้านพฤติกรรม หรือ Behavioral และ ในด้านจิตวิทยา หรือ Phychological
มาวันนี้ หลักการ Segmentation ก็ยังคงความสำคัญไม่เสื่อมคลาย แต่หากจะให้ชนะใจลูกค้าในยุคดิจิทัล การรู้ Segmentation อย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่เพิ่มเติมมาก็คือ เราต้องรู้จักลูกค้า เหมือนกับเรารู้จักตัวเอง....
แบบว่า Feeling ถึงความเป็นลูกค้า เหมือนที่เรามี Feeling เกี่ยวกับตนเอง หรือ แบบว่า หลับตาปุ๊บ ก็สามารถจินตนาการ เห็นภาพลูกค้ามาลอยอยู่ตรงหน้าเลย
พูดง่ายๆ จะต้องเข้าถึง จิตวิญญาณของลูกค้า ต้องรักลูกค้า เหมือน เรารักตัวเรา อะไรประมาณนั้น
{ads_seminar}
Trend ที่ห้า อะไรที่เทคโนโลยีทำได้ ก็ใช้เทคโนโลยีทำซะ จะได้มีเวลาทำเรื่องสำคัญๆ (Augmented Marketing)
ในช่วงสิบกว่าปี ยี่สิบกว่าปี มาเนี่ย มีคำที่ฮ๊อตฮิต หลายคำที่ผ่านหูเรา ค่อนข้างบ่อย คำเหล่านี้ ได้แก่ “Disruption” หรือ “Transformation” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า “Technology Disruption”
คำว่า “Technology Disruption” หมายถึง การที่เทคโนโลยีมันเขามาเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน คนที่รู้จักปรับตัว และฉวยโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็จะสามารถปรับตัว และอยู่รอดได้เปลี่ยนอย่างดี สำหรับคนที่ไม่รู้จักปรับตัว หรือ ปรับตัวช้า ก็จะเสียเปรียบคนที่ปรับตัวได้เร็ว หรือ หากปรับตัวไม่ได้ก็อาจจะต้องสูญหาย หรือ สิ้นสุดสิ่งที่เคยทำมาในอดีตเลยทีเดียว
ประเด็นก็คือ เราต้องรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ ได้อย่างเหมาะสม คือ อะไรที่ใช้เทคโนโลยีทำได้ และคุ้มค่าที่จะใช้ ก็ใช้เทคโนโลยีซะ...สิ่งที่เราจะทำเอง คือ สิ่งที่เทคโนโลยีทำไม่ได้นั่นเอง
นี่คือ 5 สุดยอด Marketing ที่ใครก็ตามที่ต้องการเป็นเศรษฐีออนไลน์ ต้องรู้ (โดยเฉพาะ Data) ต้องเข้าใจ และต้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้ได้ในธุรกิจของตนเอง
หากใครทำได้...รับรองได้เลย..ว่า “ใครจะเป็นเศรษฐี...คุณนะซิ คุณนะซิ”
Comment