Bel Pesce เป็นผู้ประกอบการชาวบราซิบ ที่จบการศึกษาจาก MIT หลังจบการศึกษาเธอทำงานในสหรัฐอเมริกา และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดของเธอ เพื่อสร้างความฝันในการเป็นผู้ประกอบการให้ไปสู่ความเป็นจริง

Bel ใช้เวลา 2 ปี ศึกษาว่า คนเราจะทำความฝันให้สำเร็จได้อย่างไร
Bel พบว่า คนส่วนใหญ่มักไม่พบเจอความสำเร็จ ตามที่ฝันไว้...และพบอีกว่า หากใครก็ตามที่มีความเชื่อ หรือ ชุดความคิด ทั้ง 5 นี้ ชีวิตของคนๆ นั้น ต้องล้มเหลวแน่นอน หรือ ไม่ใช่ ก็ใกล้เคียง

ความเชื่อที่หนึ่ง...เชื่อว่าความสำเร็จใดๆ สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน

หากมีใครบอกว่า ความสำเร็จของเขา หรือ เธอ เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน นั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ถ้าเราไปศึกษาความสำเร็จของคนหนึ่ง จะเห็นว่า กว่าที่ความสำเร็จนั้นจะปรากฏขึ้น มันต้องผ่านอะไรมามากมาย โดยเฉพาะความล้มเหลว

การที่เราเห็นเขาสำเร็จนั้น เราเห็นต้องที่ความสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ เราไม่เห็น หรือ คนๆ นั้นอาจจะไม่พูดถึงเบื้องหลังความสำเร็จ

ดังนั้น หากท่านเชื่อว่าความสำเร็จใดๆ สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน...ท่านก็เตรียมตัวเป็นผู้ล้มเหลวได้เลย

ความเชื่อที่สอง....เชื่อว่าจะสามารถหาคำตอบที่ต้องการได้จากคนอื่นๆ

คนที่เชื่อแบบนี้ จะไม่พยายามช่วยตนเอง...แต่จะคอยแบมือขอ หรือ รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นๆ เสมอ...หรือ คอยให้คนอื่นๆ ช่วยคิดให้

ในจุดนี้ อาจจะมีคนช่วยเรา ในบางเรื่อง แต่ในบางเรื่องที่มันเป็นเรื่องที่คนอื่นๆ ไม่รู้ลึกว่าเราต้องการอะไร เราะไม่สามารถให้คนอื่นมาช่วยได้...เราต้องตัดสินใจ หรือ หาคำตอบด้วยตนเอง ด้วยการฟังจากเสียงภายในของตัวเรา

หากเราหวังว่าคนอื่นๆ จะมาช่วยตอบเรา...เราจะไม่มีทางค้นพบความสำเร็จในแบบของเราได้เลย

ความเชื่อที่สาม....มีจุดจบของความสำเร็จ

หากคนๆ หนี่ง คิดว่า ผมพอแล้ว ผมสำเร็จแล้ว ผมเหนื่อยมามากแล้ว...หากใครสักคนคิดแบบนี้ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการหยุดความฝัน เพราะหากคุณคิดว่าพอ คุณจะหยุดฝัน

คนที่หยุดฝัน ก็จะไม่มีเป้าหมายให้ไปสู่ฝัน...ชีวิตก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น

แต่ถ้าใครพอใจกับการไม่มีความฝัน ก็เป็นเรื่องเฉพาตัว

แต่หากต้องการมีชีวิตที่ท้าทายอยู่เสมอ ต้องการฝัน และทำให้ฝันสำเร็จ เมื่อสำเร็จ ต้องมีฝันใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม

ความเชื่อที่สี่....ฉันไม่ผิด คนอื่นผิด

คนส่วนใหญ่มักทำตัวในทำนอง “รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง” แทนที่จะยอมรับว่าตนเอง รำไม่ดี แล้วไปปรับปรุง
หากคุณเป็นคนแบบที่ผมพูดถึง เขาเรียกว่า “คนที่ไม่รับผิดชอบในความฝันของตนเอง”
หากเรามีความฝัน เราต้องรับผิดชอบในความฝันของเรา เราต้องทำทุกวิถีทางให้ความฝันบรรลุ แต่หากเราเฝ้าแต่โทษดิน ฟ้า หมา หมู แมว ...ทั้งๆ ที่ความผิดพลาด ความล้มเหลว นั้นมันอยู่ในความรับผิดชอบของเรา ...นั่นก็คือ “การทำลายความฝันของท่าน โดยตัวของท่านเอง”

ความเชื่อที่ห้า....ขอแค่ฝันก็มีความสุขแล้ว

ความจริงในโลกนี้ มีอยู่สองอย่าง ความจริงครั้งแรก ที่เกิดขึ้นในสมอง และความจริงครั้งที่สอง คือ ความจริงที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง

{ads_seminar}

แต่คนส่วนใหญ่ มักจะมีความสุข กับการสร้างความจริงครั้งแรก ด้วยภาพจินตนาการแห่งความสำเร็จใดๆ ขึ้นสมอง...แล้วฝันกลางวัน ถึงภาพในสมองนั้น

แต่พอจะไปสู่ความจริงครั้งที่สอง ผู้คนมากมายถอดใจ ที่จะเดินทางไปสู่ความจริงครั้งที่สองในโลกแห่งความเป็นจริว...จะด้วยสาเหตุใดๆ ก็แล้ว

หากที่ชอบที่จะมีความสุขด้วยการเป็นคนช่างฝัน...ดื่มด่ำกับความสุขครั้งที่แรกในสมอง...แต่ไม่พยายามใดๆ ที่จะเดินทางไปสู่ความจริงครั้งที่สอง ...ผมก็ขอแสดงความยินดีกับท่าน ในฐานะที่ท่านเป็น “นักทำลายความฝันตัวยง”

• แน่นอนผมไม่เชื่อว่ามีความสำเร็จชั่วข้ามคืน เพราะความสำเร็จที่ใครๆ บอกว่าเป็นความสำเร็จชั่วข้ามคืนนั้น มันมีเส้นทางการลงมือทำที่เราไม่เห็น หรือ ไม่มีใครบอก ชีวิตผมเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ผ่านอะไรมามากมาย...ไม่มีอะไรที่ง่าย แต่ก็ไม่มีอะไรที่ยาก..แต่ทุกอย่างอาศัยเวลา อาศัยจังหวะจะโคนทั้งสิ้น กว่าจะมีถึงจุดแห่งความสำเร็จ หรือ ฝันเป็นจริง หรือ สร้างความจริงครั้งที่สองได้
• พระพุทธองค์บอกว่า “ตนเป็นที่พึ่ง แห่งตน” การที่มีคนมาช่วยเราก็เป็นการดี...แต่ก่อนที่จะให้คนอื่นมาช่วย เราต้องเป็นที่พึ่งของตนเองให้สุดๆ เสียก่อน
• ความฝันคืออาหารทิพย์ที่หล่อใจเราให้ชุ่มชื่น และเป็นจุด Start ของ Success Journey ดังนั้นอย่าหยุดฝัน เมื่อฝันหนึ่งบรรลุ จงสร้างความฝันใหม่ แล้วเดินไปสร้างความฝันนั้นให้เป็นจริง ชีวิตจะมีแต่ความสุข ความท้าทาย
• จงรับผิดชอบในสิ่งที่เรากระทำ หรือ รับผิดชอบในความฝัน...หากเราไม่รับผิดชอบในความฝันของเรา เราจะไม่สามารถค้นพบ หรือ มองเห็นถึงข้อบกพร่อง หรือ อุปสรรคในการพาฝันเราไปสู่ความจริง
• อย่าเอาแต่เสพความฝัน...แต่จงสร้างเส้นทางพาความฝันนั้นไปสู่ความจริง