หากเราต้องการประสบผลสำเร็จแบบสุดๆ เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์แบบสุดๆ

 17 พ.ย. 2563 15:00 น.    เข้าชม 1399    Entrepreneurship
หากเราต้องการประสบผลสำเร็จแบบสุดๆ เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์แบบสุดๆ

หากในตอนเช้า ท่านตื่นขึ้นมา แล้วท่านรู้สึก “ขี้เกียจ” 

หรือ ในบางช่วงเวลา ท่านรู้สึก “เครียด” และ “ขาดแรงจูงใจ” ที่จะทำอะไรให้ลุล่วงไป

หากเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นกับท่าน ขอบอกเลยว่า 

ท่านกำลังตกอยู่ในอาการของคนที่ “ขาดเป้าหมาย” “ขาดความฝัน” หรือ “ขาดวิสัยทัศน์” ที่ยิ่งใหญ่ 

ลองถามตัวท่าน ด้วยคำถามง่ายๆ ต่อไปนี้

“ระหว่างบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ และชัดเจน ในการก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ 

กับ บริษัทที่ไม่มีวิสัยทัศน์ แบบว่า ดำเนินธุรกิจไปวันๆ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ”

ท่านต้องการทำงานในบริษัทไหน ...

แน่นอน “บริษัทที่มีวิสัยทัศน์” ย่อมเป็นคำตอบของท่าน

คนที่มีเป้าหมายแห่งวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ จะดึงดูดผู้คนให้เขามาหาเขา

ท่านต้องรู้จัก Elon Musk เจ้าของบริษัท Tesla ...

โดย Tesla เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และในขณะเดียวกัน ก็มี บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากมาย 

แต่ผู้คนจำนวนมาก อยากทำงานในบริษัท Tesla ของ Elon Musk .....

ท่านรู้ไหมว่า “ทำไม”

แน่นอน ผู้คนอยากทำงานใน Tesla เพราะ Tesla ทำให้เขาเหล่านั้น 

ตื่นเต้น ในการเป็นส่วนหนึ่ง ของการบรรลุเป้าหมายของวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่

เมื่อผู้คนตื่นเต้นในสิ่งที่เขาจะทำ...

ตอนตื่นนอนในตอนเช้า เขาจะไม่ขี้เกียจ แต่เขาจะเด้งดึ๋งขึ้นมาจากเตียง 

ด้วยความกระตือรือร้น เพราะเขามีความสุข มีความตื่นเต้น ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

หรือ เมื่อยามใด ที่เขารู้สึกท้อแท้ ต่อปัญหา และอุปสรรค ความท้อแท้นั้นจะหมดไปทันที 

เมื่อภาพที่ยิ่งใหญ่แห่งความสำเร็จ ที่กำลังรอเขาอยู่ ได้ปรากฏแวบขึ้นมาในสมองของเขา

ใช่ครับ...คนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ 

มีภาพแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ที่คอยกระตุ้นเขาให้เดินหน้า

กลืนกินความกลัว แล้วก้าวข้ามอุปสรรค เพื่อก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จ

แล้วท่านล่ะครับ ท่านต้องการรู้สึกกระตือรือร้น ที่จะไปทำสิ่งนั้นในตอนเช้าหรือไม่ 

หรือ สามารถขจัดความท้อแท้ ให้หายไปจากความคิดได้ทันที 

เมื่อท่านนึกถึงวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของท่านหรือไม่

ต่อไปนี้ จะเป็น เทคนิคในการสร้างให้เกิดสภาวะดังกล่าวกับตัวท่าน ในทุกๆ วัน 

ไม่ว่าวันนั้น จะเป็น วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์ วันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์

พร้อมแล้วมาฟังกันเลย

เทคนิคที่ หนี่ง จงทำเพื่อผู้อื่นมากกว่า ทำเพื่อตนเอง

ในปี 2007 อดัม แกรนท์ นักวิจัย และนักเขียนชื่อดัง ได้ทำงานวิจัยงานหนึ่ง 

โดยกลุ่มเป้าหมายในการทำวิจัย คือ กลุ่มพนักงานที่ทำงานใน Call Center ของมหาวิทยาลัยภาครัฐแห่งหนึ่ง

และกลุ่มพนักงานเหล่านี้ ถูกร้องขอให้เชิญชวนผู้คนให้บริจาคเงินสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย

{ads_seminar}

ผลการเชิญชวนค่อนข้างต่ำ เนื่องจากผู้คนไม่ค่อยตอบรับ 

เนื่องจากการโทรไป แบบที่ผู้ถูกเชิญชวนไม่ได้รับรู้รับทราบมาก่อนเลย 

ดังนั้นพนักงานเป็นจำนวนมาก ต่างๆ ลาออกจากงานนี้ 

เนื่องจากเป็นงานที่ยาก และเงินเดือนค่อนข้างต่ำ

ทางมหาวิทยาลัยแก้ไขปัญหา โดยแจ้งพนักงานว่า 

เงินบริจาคเหล่านี้ จะถูกนำไปใช้ ในเรื่องทุนการศึกษา 

หลังใช้วิธีการดังกล่าว เงินบริจาค เพิ่มขึ้น 171 เปอร์เซ็นต์ 

นอกจากนั้นพนักงานเหล่านี้ ทุ่มเทเวลาให้กับการชวนเชิญคนมากกว่าเดิม ถึง 142 เปอร์เซ็นต์

การได้ทำสิ่งที่มีผลดีต่อผู้อื่นๆ ส่งผลให้คนๆ หนึ่ง หรือ กลุ่มคน กลุ่มหนึ่ง 

มีความทุ่มเท มุ่งมั่น ในการทำสิ่งนั้น อย่างมากมายมหาศาล กว่าการที่ให้เขาทำโดยไม่มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ในทำนองเดียวกันกับการขับเคลื่อนพฤติกรรมของคน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนในโลกธุรกิจ 

เราจำเป็นจะต้องทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ 

หรือ การทำไปเพื่อให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้น

แน่นอน ในทุกๆ วันของพนักงาน หรือ แม้กระทั่งตัวเรา 

เราจะตื่นเช้า ด้วยความกระตือรือร้น และเปี่ยมไปด้วยพลัง ในยามประสบปัญหา


Comment