John Doerr เป็นวิศวกร, เป็นนักลงทุน หรือ Venture Capitalist และเป็นประธานบริษัท Kleiner Perkins

John Doerr กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้นำองค์กรเป็นจำนวนมาก ที่ทำให้ลูกน้อง หรือ คนที่อยู่ในองค์กรเหล่านั้นต้องล้มเหลว...เพียงเพราะสาเหตุง่ายๆ นั่นก็คือ การตั้งวัตถุประสงค์ และ/หรือ เป้าหมายที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก หากไม่รีบแก้ไขแต่เนิ่นๆ ก็จะพาองค์กร หรือ แม้กระทั่งบุคคล ลงเหวก็อาจจะเป็นได้

Johh Doerr ได้แนะนำ Concept ที่เรียกว่า OKR ซึ่งย่อมาจาก “Objectives and Key Results” ซึ่งจะช่วยเป็นเครื่องมือที่ทำให้เหล่าผู้นำ เหล่าผู้บริหาร ตั้งวัตถุประสงค์ให้องค์กร ได้อย่างถูกต้อง และพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ใช่

ซึ่งเทคนิค OKR นี้ถูกนำไปใช้ในบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ โลก อาทิเช่น Google, Intel เป็นต้น

John Doerr เล่าความหลังของเขาในช่วงปี 1975 (45 ปีที่แล้ว) ว่าเขาคือทำงานเป็นลูกน้องของ Andy Grove ผู้ก่อตั้ง Intel เจ้าของสโลแกน “Only Paranoid Survive”

วันหนึ่ง Andy Grove พูดกับ John ว่า
“John นายรู้ป่ะ ว่ามันไม่สำคัญหรอกว่า นายรู้อะไร แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การทำสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นจริง กลายเป็นรูปธรรมได้...อันล่ะแหละว่ะ ของจริง John เอ๊ย”

จากแนวคิดดังกล่าว Andy พัฒนาระบบการบริหารจัดการ ที่เขาเรียกว่า “Objectives and Key Results” แปลเป็นไทย ก็คือ เวลาจะทำอะไรมันต้องรู้ว่า มึงจะทำไปทำไม พอทำแล้วมันจะได้ผลลัพธ์อะไร” หากจะทำอะไรแล้วไม่รู้ว่าทำทำไม และ ไม่รู้ต้องการผลลัพธ์อะไร มรึงก็นอนอยู่บ้านดีกว่า อะไรประมาณนั้น

Andy บอกว่า Objectives หรือ วัตถุประสงค์ คือ ทิศทาง หรือ Direction และ Key Results คือ ผลลัพธ์หลักๆ ที่เราต้องวัดได้...ต้องบอกได้ว่า เฮ้ย มันใช่ ว่ะ...หรือ ว่า เฮ้ย...แมร่งไม่ใช่ว่ะ...

John Doerr กล่าวว่า OKR จึงกลายเป็นเครื่องมือการตั้งเป้าหมายที่สุดแสนจะง่าย สุดแสนจะ Simple และสามารถนำไปใช้ในองค์กรทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ หรือ ไม่ใช่ธุรกิจ

เอาไปใช้ในการกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายให้กับทีม หรือ แม้กระทั่งในระดับบุคคล

ภาษาชาวบ้าน คือ Objective หรือ วัตถุประสงค์ ก็คือ สิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้น หรือ ประสบผลสำเร็จ ต่อจากนั้น Key Results ก็คือ เราจะทำอย่างไรให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น

มันคือ What หรือ อะไร และ How หรือ อย่างไร นั่นเอง

John Doerr บอกว่า แต่องค์กร และผู้คนส่วนใหญ่ ยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง สิ่งนั้น คือ Why....

Why คือ เหตุผลที่ทำให้เราทำ อะไร หรือ What ด้วยวิธีการใด หรือ How

John Doerr แนะนำว่า ก่อนอื่น เราต้องถามคำถาม “Why” ทำไมกูต้องทำอะไร ด้วยวิธีการนี้ วิธีการนั้น

คำว่า Why จะเชื่อมโยงเข้ากับ คุณค่าของคนแต่ละคน แล้วนำไปสู่การสร้าง Passion หรือ แรงปราถนาในการทำ สิ่งนั้น What ให้สำเร็จ

John Doerr เคยทำงานกับสุดยอดผู้ประกอบการมามากมาย ผู้ประกอบการเหล่านั้น จะต้องรู้ตัวเองเสมอว่า Why ทำไมตนเองถึง หมกหมุ่น ทุ่มเท ทำงาน อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย...

นี่คือ พลังแห่ง Why ใน การตั้ง Objective และ Results จะทำให้ สมอง กับ หัวใจกับงานร่วมกัน แบบ ซิมโพนี ออเคสตร้า จนทำให้ What กับ How ไหลลื่น

ในปี 1999 John Doerr นำประสบการณ์เรื่อง OKR ที่เขาได้จากการทำงานในบริษัท Intel มาแนะนำให้กับ ผู้บริหารของบริษัท Google นั่นคือ Larry และ Sergey ซึ่งตอนนั้นทั้งสองคนนี้ เพิ่งอายุ 24 ปี นับจากนั้น OKR หรือ ส่วนผสม ระหว่าง What How และ Why ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อน Google

พนักงานของ Google ทุกคนจะต้อง มี What How และ Why ของตนเอง ที่ถูกเขียนลงบนกระดาษ และถูกแชร์ไปให้เพื่อนพนักงานได้เห็น เพื่อให้เห็น Why ว่าเชื่อมโยงกับ Why ขององค์กรอย่างไร

ด้วยเทคนิค OKR หรือ ส่วนผสมระหว่าง ซิมโฟนีออเคสตร้า ของ What How Why Google จึงสามารถสร้าง ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ระดับโลกมากมาย..

จริงแล้ว OKR คือ เครื่องมือในการตั้งเป้าหมาย ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงธรรมชาติของมนุษย์ นั่นคือ คนเรานั้นจะทำอะไรสักอย่างได้ดี มันต้องสอดคล้องกับ Why หรือ แรงปรารถนาของคนๆ นั้น พูดง่ายมันไม่ใช่เรื่องพิเศษ พิสดาร แต่อย่างใด และมันเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการชีวิตของคนหนึ่งๆ ทั้งที่เรารู้ตัว และไม่รู้ตัว

{ads_seminar}

John Doerr กล่าวว่า ให้เราลองคิดถึงชีวิตของเรา และถามตัวคุณซิว่า

• Objective หรือ วัตถุประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของคุณ หรือ What ของคุณคืออะไร...
• key results หรือ วิธีการ หรือ ทำอย่างไรให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น หรือ How
• และ สิ่งที่สำคัญที่สุด ให้ถามว่า Why หรือ ทำไม คุณต้องทำสิ่งนั้น หรือ What ด้วยวิธีการแบบนั้น หรือ How

OKR ของ ผมน่ะหรือ
Objecitve คือ การได้ดำรงชีวิตในแบบที่ผมต้องการ
Key Rusults คือ เป็น Infoprenuer
Why มันทำให้ผมเข้าถึงคุณค่าที่ผมต้องการ คือ การเป็นนักคิด ความท้าทาย ความอิสระ และการแบ่งปัน
แล้ว OKR หรือ What How Why ของ ท่านคือ อะไร

ที่มา: TED Talk