ทำอย่างไรคนจึงจะนำเงินมาลงทุนในธุรกิจเล็กๆ ของเรา

 05 ต.ค. 2563 14:25 น.    เข้าชม 979    Entrepreneurship
ทำอย่างไรคนจึงจะนำเงินมาลงทุนในธุรกิจเล็กๆ ของเรา

ธุรกิจเป็นสิ่งมีชีวิต และสายโลหิตที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ คือ กระแสเงินสด ดังนั้นเงิน คือ ปัจจัยสำคัญยิ่ง หรือ อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำธุรกิจ

ผมถูกถามบ่อยมาก ว่าหาเงินจากไหน มาเริ่มต้นธุรกิจ และเพื่อเป็นการตอบคำถาม ผมลองนึกทบทวนตั้งแต่ผมเริ่มธุรกิจครั้งแรก จนถึง ณ ปัจจุบัน รวมไปถึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อตอบคำถามภายใน 2 ประเด็น ดังนี้

หนึ่ง แหล่งเงินทุนมีอะไรบ้าง
สอง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนอื่นเอาเงินมาลงทุนกับธุรกิจเรา

หนึ่ง แหล่งเงินทุนมีอะไรบ้าง

ให้ท่านหลับตา แล้วจินตนาการถึงวงกลมซ้อนกัน 5 วง

วงในสุด มีตัวท่านยืนอยู่ ...ไม่ใช่ใครอื่น ตัวท่านเอง คือ แหล่งเงินทุน แหล่งที่หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นเงินเก็บ หรือ สมบัติเก่า ที่ท่านไม่ต้องไปเอามาจากคนอื่น

วงที่สอง ก็คือ เพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย หรือ คนที่ท่านรู้จัก และเชื่อถือท่าน

วงที่สาม สถาบันการเงิน หรือ ธนาคาร คือ การไปกู้เงินนั่นเอง แต่การเป็นกู้เงิน ต้องมีหลักประกันด้วย

วงที่สี่ คือ คนที่ไม่ได้รู้จักกับท่าน แต่เป็นคนมีเงิน และสนใจในธุรกิจของท่าน ดังนั้นจึงเอาเงินมาลงทุนกับธุรกิจของท่าน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า “Angel”

วงที่ห้า นี่ ถือว่าเป็นสุดยอดของแหล่งเงินทุน นั่นคือ ผู้ร่วมลงทุน หรือ Investor 

เอาล่ะ วงกลมห้าวงที่ซ้อนกัน คือ แหล่งเงินทุนที่ท่านจะนำเป็นโลหิตในการหล่อเลี้ยง หรือ การดำเนินการธุรกิจ

สอง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนอื่นเอาเงินมาลงทุนกับธุรกิจเรา

ท่านรู้แล้วว่า มีแหล่งเงินทุนอะไรบ้าง...
สิ่งต่อไป ที่ท่านต้องทราบ ก็คือ ปัจจัยสำคัญอะไรที่ทำให้คนอื่นเอาเงินมาลงทุนกับธุรกิจของเรา
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนอื่นเอาเงินมาลงทุนกับธุรกิจของเรา มีด้วยกัน 2 ปัจจัย

ปัจจัยที่หนึ่ง คือ ความชัดเจนของ Business Model

คนๆ หนึ่ง นี่ หมายถึงรวม ถึง ตัวเราเอง และ คนหรือองค์กรใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราเลย
แน่นอนที่สุด อันดับแรกที่เขาจะมอง ก็คือ ธุรกิจของท่าน มี Business Model ที่ชัดเจนมากน้อยแค่ไหน
เมื่อพูดถึงความชัดเจนของ Business Model เขาจะดูความชัดเจนใน 2 มิติ

มิติแรก ก็คือ ความลงตัวระหว่าง ความต้องการของลูกค้า หรือ ปัญหาของลูกค้าที่ลูกค้าต้องการแก้ไข กับ คุณค่า หรือ สินค้า และบริการที่เราจะนำเสนอให้กับลูกค้า ถ้าหากมิติแรกมีความชัดเจน ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะดูความชัดเจนในมิติต่อไป

มิติที่สอง คือ ดูความชัดเจนขององค์ประกอบสำคัญของ Business Model ซึ่งมีด้วยกัน 9 องค์ประกอบ 
เริ่มต้นจาก สององค์ประกอบแรก คือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย กับ สินค้า/บริการ หรือ คุณค่าที่จะนำเสนอ ซึ่งก็คือ ความชัดเจนใน มิติแรกที่กล่าวไปถึงข้างต้นนั่นเอง

ต่อจากนั้นจะดูองค์ประกอบที่ สาม คือ ช่องทางในการขาย ซึ่งอาจจะมีทั้ง ออฟไลน์ และ หรือ ออนไลน์

องค์ประกอบที่สี่ คือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการ สร้างฐานลูกค้าใหม่ และ การรักษาลูกค้าที่มีอยู่เดิม เราจะทำอย่างไร

องค์ประกอบที่ห้า คือ กิจกรรมหลัก หรือ กิจกรรมสำคัญ ของธุรกิจ คืออะไร 

องค์ประกอบที่หก คือ ทรัพยากรหลัก ของธุรกิจ มีอะไรบ้าง

องค์ประกอบที่เจ็ด คือ พันธมิตรทางธุรกิจ ที่จะมาช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับธุรกิจของท่านคือใคร

องค์ประกอบที่ แปด และ เก้า นี่ถือเป็นหัวใจสำคัญ ของ Business Model เลย สององค์ประกอบนี่ ก็คือ จะสร้างรายได้ หรือ ยอดขาย จาก สินค้า/บริการ หรือ คุณค่า ที่นำเสนอให้กับลูกค้าได้อย่างไร และ ที่สำคัญโคตรๆ ก็คือ จะต้องใช้ต้นทุน หรือ มีโครงสร้างต้นทุนเท่าไหร่ ในการที่จะสร้างรายได้ จาก Business Model นี่ 

{ads_seminar}

สององค์ประกอบนี่แหละ ที่หากไม่ชัด ก็จะไม่มีใคร แม้แต่ตัวเราเอง ที่จะหาญกล้า เอาเงินมาลงทุน

ปัจจัยที่สอง คือ ความเป็นรูปธรรมของ Business Model

นอกเหนือไปจากความชัดเจนของ ทั้งสองมิติของ Business Model แล้ว ปัจจัยต่อมา คือ ความเป็นรูปธรรม ของ Business Model

ความเป็นรูปธรรม เริ่มจาก การมีตัวตน จับต้องได้ รู้สึกได้ ของ Business Model เช่น มีสินค้า หรือ บริการ จริงๆ แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นแค่ ต้นแบบ หรือ ที่ Mock up ที่พร้อมจะนำไปสร้างรายได้ และหาก ยิ่งสามารถสร้างรายได้แล้ว ก็จะสะท้อนความเป็นรูปธรรมได้มากยิ่งขึ้น

สรุปแล้ว ก็คือ หาก Business Model มีความชัดเจนมาก และ เริ่มมีความเป็นรูปธรรมแล้ว โอกาสที่มีคนเองเงินมาเทลงมาใน Business Model ก็มีมากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม หาก Business Model ไม่ชัดเจน และ ความเป็นรูปธรรมต่ำ ก็ยากที่จะมีคนเอาเงินมาลงทุนกับธุรกิจของเรา

ยกตัวอย่างเช่น

หาก Business Model ยังไม่ชัดเจน และธุรกิจยังไม่มีความเป็นรูปธรรม แบบนี้ ก็ต้องอาศัยเงินทุนจากกระเป๋าตนเอง หรือจากผู้คนรอบข้างที่เรารู้จัก และเชื่อในตัวเรา

หาก Business Model ชัดเจนในระดับหนึ่ง และธุรกิจเริ่มมีความเป็นรูปธรรม แบบว่าเริ่มสร้างรายได้ เราหาจะใช้เงินของคนอื่นๆ เช่น กู้จากธนาคาร หรือ คนที่มีเงิน และสนใจในธุรกิจของเรา เป็นต้น

แต่หาก Business Model เรามีความชัดเจนแบบสุดๆ แล้ว อันนี้ อาจจะมีคนมาร่วมลงทุนด้วยเลยก็ได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สร้างรายได้อะไรเลย เช่น Instagram เป็นต้น
เมื่อท่านรู้อย่างนี้ เรา สิ่งที่ท่านควรจะทำก็คือ ทำอย่างไรที่จะสร้างความชัดเจนให้กับ Business Model โอกาสที่จะมีคนมาร่วมลงทุนกับท่าน ก็จะมีสูง.....

ขอให้ท่านโชคดีครับ


Comment