เพื่อนๆ น่าจะรู้สึกฉงนงงงวย และอยากจะรู้ว่า มันเป็นเรื่องราวอะไรกันแน่ หลังจาก อ่านคำโปรย ของบทความนี้
ใช่ครับ ผมต้องการให้เพื่อนๆ รู้สึกอย่างนั้น...เพราะความฉงนงงงวย จะทำให้เพื่อนๆ อยากอ่านต่อไง
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
คือ เมื่อเช้าวันนี้ (วันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.) ผมนั่งดูรายการข่าวจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ที่พูดถึงเรื่องราวของ “เด็กชายคนหนึ่งที่มีความสามารถในเชิงศิลปะ แล้วนำความสามารถนี้ มาสร้างสรรค์รองเท้าแตะธรรมดา ให้เป็นรองเท้าแตะที่โคตรจ้าบๆๆๆๆ”
โดยน้อง หรือ เด็กชายผู้นี้ สามารถสร้างรายได้จากการสร้างสรรค์รองเท้าแต่มีสไตล์ ได้คู่ละ 200 - 450 บาท...
วันๆ หนึ่ง น้องเขาทำได้น่าจะประมาณ 4-5 คู่ ก็จะน่ารายได้ประมาณโดยเฉลี่ย 1,500 บาท ต่อวัน เดือนๆ หนึ่ง ก็น่าจะได้รายได้ 30,000 - 40,000 กว่าๆ ต่อเดือนเลยทีเดียว
โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด มันช่างดีพ่ะย่ะค่ะ ไปเลย ในมิติของการสร้างรายได้ ของคนๆ หนึ่ง ที่เป็นเพียงเด็กน้อยหอยสังข์อายุอานาม สิบกว่าขวบ...
แต่การสร้างรายได้หลักหมื่น ด้วยวัยเพียงสิบกว่าขวบ...ดูเหมือนจะเป็นความโชคดี...
ใช่ครับ มันเป็นความโชคดี ในแง่ของรายได้...
แต่ในมุมมองของผม การที่สามารถสร้างรายได้หลักหมื่น ด้วยวัยเพียงสิบกว่าขวบ มันเป็นความโชคดีแบบจิ๊บๆ ในมุมมองของผม
แต่ความโชคดีที่ยิ่งใหญ่ ของเด็กน้อยหอยสังข์ท่านนี้ ก็คือ ผมมองว่า น้องเขาสามารถค้นพบ Passion ของเขา ที่ทำให้เขามีความสุข ได้ตั้งแต่ในเยาว์วัย
สิ่งนี้ นี่แหละ คือ ความโชคดีแบบอภิมหาอัครโชคดีเลยทีเดียว เลย...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด มันโคตรดี พ่ะย่ะค่ะ
นี่หมายความว่าอะไร...นี่หมายความว่า เมื่อน้องเขาค้นพบ Passion ของเขาแล้ว นับจากวินาทีนั้นเขาได้ค้นพบความสุขในชีวิต ค้นพบเป้าหมายชีวิต ค้นพบเหตุผลที่เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้คืออะไร..และวินาทีต่อไป นับจากนี้ ชีวิตเขาจะดำเนินไปอย่างมีความสุข
และที่สำคัญ สิ่งที่เป็น Passion ของเขา ดันสามารถสร้างรายได้ให้เขาได้อีกด้วย...พูดง่ายๆ ว่า น้องเขาสามารถค้นพบ Ikigai ของเขานั่นเอง
นี่แหละครับ คือ ความโชคดีระดับอภิอมตะนิรันดร์กาล เลยทีเดียวเชียว
เรื่องราวข้างต้น คือ ที่มาของชื่อบทความๆ นี้ ครับกระผม...
ตัว Strategic Man เอง กว่าจะค้นพบ Passion ของตัวเอง ก็ตะบี้ตะบันใช้เวลามากกว่า 50 ปี เพราะมัวหลงใหล (หรือว่าหลงทาง) ไปกับลายแทงความคิดความเชื่อ ที่สังคม ที่ระบบการศึกษามอบให้ (หรือ ยัดเหยียดให้ ก็ไม่รู้)
แต่ผมก็ยังโชคดี ที่ค้นพบ...ถึงแม้ว่า เวลาจะผ่านมากว่า 50 ขวบปี เรียกว่า มาช้า ยังดีกว่าไม่มา (ขอยืมเพลงของมอส มันร้องหน่อย)
นั่นหมายความว่า อีก 50 ปีที่เหลือของผม (ผมคิดว่า อย่างน้อยผมมีอายุ 100 ปี เป็นอย่างน้อยแน่นวล) จะเวลา ที่ผมเริงร่ากับ EKigai ของผม ไง
แต่เมื่อมองไปในภาพกว้าง มองไปในความคิดความอ่าน ของคนส่วนใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่า คนส่วนใหญ่ ใช้ชีวิต ด้วย Passion หรือ ใช้ชีวิตภายใต้การบ่งการจากแนวคิด หรือ ความเชื่อ ที่สังคมรอบข้างยัดใส่ในสมอง หรือ จิตใต้สำนึก
แต่จากการสังเกต ผมคิดว่า ผู้คนส่วนใหญ่น่าจะยังใช้ชีวิตเพื่อตอบสนองความคิด ความเชื่อ ที่สังคมหยิบยื่นให้ หรือ ยัดเยียดให้......(อันนี้ผมคิดเอง จากประสบการณ์ของผมเอง)
แต่ไม่ว่าจะใช้ผู้คนส่วนใหญ่ หรือ ใครก็ตามจะใข้ชีวิตอย่างไร นั่นคงไม่ใช่กงการอะไรของผม...เพราะชีวิตของใคร คนนั้นต้องเป็นคนเลือก...แต่เลือกแล้วจะทุกข์ หรือ สุข ก็ต้องหาคำตอบเอาเอง
สำหรับผม ซึ่งในอดีตเคยใช้ชีวิตภายใต้กรอบความคิด ความเชื่อที่สังคมหยิบยื่นให้
{ads_seminar}
แต่ในวันนี้ ผมเลือกที่จะเป็น “เด็กชายผู้โชคดี กับ รองแตะมีสไตล์” มากกว่า ที่จะเป็น “เด็กดี ที่ทำตามคนรอบข้างบอกให้เป็น”
บ่นมาตั้งนาน..เพียงแค่จะบอกว่า ผมขอใช้ชีวิตตาม Passion ของผม...และแน่นอน Passion ของผมมันดันทำเงิน หรือ สร้างรายได้ให้ผมได้อย่างน่าพอใจด้วย (ขอโม้หน่อย)
และนี่คือ เรื่องราว เสี้ยวหนึ่ง ของชายคนหนึ่ง ที่ในอดีตเป็น “มนุษยพันธ์ติดลบ แต่กลับมาสร้าง 15 ล้านบาท ภายใน 3 ขั้นตอน”
มันช่วยไม่ได้ครับ...เพราะผมคือ “เด็กชายผู้โชคดี” อายุ 50 กว่าขวบ...
แล้วท่านล่ะครับ เป็น “เด็กชายผู้โชคดี” หรือ เป็น “เด็กดีของสังคม”
จะเป็นอะไร ก็เลือกอันที่ท่านมีความสุข และสบายใจเด้อๆๆๆ ครับ
Comment