เริ่มต้นด้วยความเชื่อ แล้วโอกาสจะตามมา แนวทางการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นจริง

 22 มิ.ย. 2563 12:56 น.    เข้าชม 1232    Entrepreneurship
เริ่มต้นด้วยความเชื่อ แล้วโอกาสจะตามมา แนวทางการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นจริง

เมื่อปี พ.ศ.2547 หรือ ค.ศ.2004 หรือ เมื่อ 15 ปีที่แล้ว...กลุ่มเด็กหนุ่มนักศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้มานั่งสุมหัวกันเพื่อสร้าง Social Media Platform ภายในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยมีจุดประสงค์ที่จะ Social Media Platform นี้เชื่อมโยง และสร้างเป็น Online Community หรือ ชุมชนออนไลน์ของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

15 ปีผ่านไป Online Community ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็แปลงสภาพเป็น Facebook หรือ Social Media Platform ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก หรือ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็น “มหาอำนาจของโลก” ไปแล้ว โดยในแต่ละเดือนจะมีผู้คนเข้าไปใช้งาน Facebook ประมาณ 2.2 พันล้านคนเลยทีเดียว

ความเชื่อของกลุ่มเด็กหนุ่มนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ Mark Zuckerberg ที่เชื่อว่าเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถนำมาช่วยตอบสนองความพื้นฐานของมนุษย์นั่นคือการเชื่อมโยง นำไปสู่การเห็นโอกาสในการสร้าง Online Community เมื่อความเชื่อมั่นเป็นความเชื่อที่บิ๊กบึ้ม โอกาสที่เห็นมันก็จะ บิ๊กบึ้ม....เฉกเช่นปราฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการอุบัติขึ้นมาของ Facebook

Mark Zuckerberg ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่ Mark Zuckerberg เป็นเพียงมนุษย์ขี้เหม็นเหมือนกับท่าน เหมือนกับผม...แต่สิ่งที่ทำให้ไม่ใช่มนุษย์ขี้เหม็นธรรมดา....ก็คือ Mark มีความเชื่อ ที่เป็นความเชื่อในระดับอภิมหาความเชื่อ...ดังนั้นความเชื่อระดับบิ๊กบึ้มของเขา จะทำให้เขาเห็นโอกาสในการเชื่อมโลกนี้ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี ผ่าน Platform ที่มนุษย์ขี้เหม็นอย่างเรา เรียกมันว่า “Facebook”

หากความเชื่อของ Mark เป็นความเชื่อ ระดับ 10 X แล้วความเชื่อของท่านเป็นความเชื่อระดับใด 1X, 2X, 3X…..หรือ X ใดๆ.....

ขอให้ท่านจำไว้ว่า ยิ่งความเชื่อท่านใหญ่เท่าใด ท่านก็จะเห็นโอกาสที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น...ท่านอาจจะยิ่งใหญ่กว่า Mark ก็ได้ ถ้าความเชื่อของท่านมากมีขนาดเกินกว่า 10 X

จากประสบการณ์ของผม ผมมองว่า “โอกาส” ก็คือ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง ณ เวลาหนึ่งๆ และการเกิดขึ้นนั้น มันดี มันเจ๋ง มันเกื้อกูลต่อเรา (ซึ่งตรงกันข้ามกับอุปสรรค หรือ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง ณ เวลาหนึ่งๆ แต่มันดัน ไม่ดี ไม่เจ๋ง และไม่เกื้อกูลต่อเรา)

ผมจะขอยกตัวอย่างของ “โอกาส” ในชีวิตประจำวัน ที่เรามักได้ยินบ่อยๆ เช่น เมื่อเราซื้อล็อตเตอร์รี่ รางวัลที่หนึ่งเรามีโอกาสที่เราถูกรางวัลที่หนึ่ง หรือไม่....แน่นอนครับทุกคนมีโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แต่โอกาสที่จะถูกอาจจะมีน้อยมาก

หากเราต้องการจะถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่หนึ่ง ก็ต้องเพิ่มโอกาสในการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ด้วยการซื้อในจำนวนมากขึ้น และ ต้องมีเทคนิคในการเลือกเบอร์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสูตรการคำนวณ การคาดการณ์ของอาจารย์ผู้ชำนาญในการทำนายตัวเลขแต่ละคน....อันนี้ก็ว่ากันไปตามอัธยาศัยเลยครับ

หรือ ในสมัยที่ผมยังทำงานในหน่วยงานราชการ ทุกสิ้นปี ผมก็จะมาลุ้นว่าผมจะได้เพิ่มเงินเดือนมากกว่าหนึ่งขั้นหรือไม่ โดยการที่จะทำให้เรามีโอกาสได้เงินเดือนเพิ่มมากขึ้นกว่าหนึ่งขั้นนั้น เราก็ต้องเพิ่มโอกาสเหล่านี้ ด้วยการทำงานให้เข้าตาเจ้านาย และเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในที่ทำงานให้การสนับสนุนเรา

หรือในสมัยที่ผมยังวัยรุ่น (มันนานมากๆๆๆ แล้วนะครับ) ผมไปปิ๊งสาวคนหนึ่ง แล้วอยากจะเป็นแฟนกับเขา...สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ผมต้องถามตนเองว่า โอกาสที่เธอจะยอมมาเป็นแฟนกับเรา มีมากน้อยแค่ไหน...เมื่อเรารู้ความเป็นไปได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ก็จะทำให้เราคิดกลยุทธ์ในการเพิ่มโอกาสในการที่เธอจะมาเป็นแฟนให้มากขึ้น

หรือ ย้อนไปบทเกริ่นนำ ที่ผมพูดถึงความเชื่อของ Mark และ เพื่อนๆ นักศึกษา ที่เห็นโอกาสที่สูงมากในการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่าน Social Media Platform…การที่มีโอกาสสูงมาก เพราะ ณ เวลานั้น ดิจิทัลเทคโนโลยีดิจิทัลมันพร้อมในระดับหนึ่งแล้ว...แต่หากย้อนหลังไปจากปี ค.ศ.2004 สักห้าสิบปี ที่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต มันยังเป็นวุ้นอยู่ สิ่งที่ Mark และผองเพื่อนคิด ก็จะมีโอกาสเกิดน้อย ถึง น้อยมาก ในเวลาอันสั้น...

ถูกต้องครับ...เมื่อเรามีความเชื่อ เราจะเห็นโอกาส แต่โอกาสที่จะเกิดในสิ่งเราต้องการให้เกิดขึ้น และเวลาที่เราต้องการให้เกิดนั้น มันอาจจะมีความเป็นไปได้น้อย หรือ เป็นไปได้มาก.....

{ads_seminar}

ความเป็นไปได้น้อย หรือ เป็นไปได้มาก ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของปัจจัย หรือ องคาพายพ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราต้องการให้เกิดว่ามันมีพร้อมแค่ไหน หากมีความพร้อมมาก โอกาสก็สูง แต่หากไม่พร้อม โอกาสที่จะเกิดขึ้นในเวลาที่เราต้องการมันก็น้อย

คำถามยอดฮิตที่ตามมาก็คือ “หากความเป็นได้ หรือ โอกาสที่จะเกิดขึ้นมันน้อย แล้วเราจะทำอย่างไร”
ใช่ครับ คำตอบยอดฮิตอีกเหมือนกัน ก็คือ “ก็เพิ่มความเป็นไปได้ซิ (ว่ะ)”

เรื่องเล่าที่ผมนำมาเล่าในวันนี้ เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งในหนังสือ “จากมนุษย์พันธุ์ติดลบกลับมาสร้าง 15 ล้าน ใน 3 ขั้นตอน” ซึ่งเป็นหนังสือที่ผมเขียนขึ้นมาล่าสุดครับ...ตอนนี้วางจำหน่ายในร้านหนังสือซีเอ็ด และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ครับ


Comment