6 กฎทองทางการเงิน ที่จะทำให้คุณรวยแบบไม่รู้จบ
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่หนึ่ง
อย่าใช้จ่าย
มากกว่าเงินที่หาได้
.
มันเป็นกฏที่สุดแสนง่ายได้
แต่คนส่วนใหญ่มักทำไม่ได้
คนส่วนใหญ่ชอบที่จะ
ใช้จ่ายมากกว่าเงินที่ตนเอง
หาได้
.
แล้วอะไรตามมาล่ะ
ก็การเป็นหนี้ไงล่ะ
.
ดังนั้นหากคุณสามารถ
ทำตามกฎทองทางการเงิน
ข้อที่หนึ่งได้
คุณจะกลายเป็น
คนมั่งคั่งได้แบบง่ายๆ
.
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่หนึ่งนี้
ถือว่าเป็น
กฎพื้นฐานทางด้านการเงิน
เลยทีเดียว
ถ้าเปรียบกับการสร้างบ้าน
มันก็คือการสร้างฐานราก
ของนิสัยในการสร้างความ
มั่งคั่ง ร่ำรวยเลยทีเดียว
มาดูกฎข้อที่สอง
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่สอง
คือ ใช้เงินทำงาน
.
คุณจะเริ่มกดปุ่ม
การสร้างความมั่งคั่ง
ด้วยการลงทุน
อย่างน้อย 10%
ของเงินรายได้ที่คุณหามาได้
.
โดยเงินส่วนนี้คือ
เงินต้องห้าม
คือห้ามเอาไปทำอย่างอื่น
เงินส่วนนี้ มีไว้เพื่อ
ทำหน้าที่เงินต่อเงิน
หรือใช้เงินให้ทำงาน
ให้เรา
.
แต่ถ้าไม่สามารถจัดสรร
ได้ถึง 10% ล่ะ
ก็อาจจะเริ่มต้น
จากเงินส่วนเกิน
ที่ได้จากการปฏิบัติตาม
กฎข้อที่หนึ่ง
.
ซึ่งมันอาจจะน้อยกว่า
10% ของรายได้
แต่ถ้าคุณทำต่อเนื่อง
คุณจะมีเงินลงทุน
มากขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดจะมากกว่า
10% ของรายได้
.
โดยมันจะโต
ด้วยผลตอบแทน
ทั้งในรูปเงินปันผล
และด้วยพลังของ
ดอกเบี้ยทบต้น
.
อัลเบิรต์ ไอนสไตน์
ได้กล่าวไว้ว่า
“สิ่งมหัศจรรย์
อันดับแปดของโลก
ก็คือ พลังของดอกเบี้ยทบต้น
ใครที่เข้าใจมัน จะรวยไม่รู้จบ”
.
หรือแม้กระทั่ง วอร์เรน บัฟเฟต์
ได้พูดถึงพลังของดอกเบี้ยทบต้น
ในเชิงอุปมาอุปมัยว่า
“ดอกเบี้ยทบต้น เปรียบได้ดั่ง
ก้อนหิมะ หรือ Snall Ball
ที่ค่อยกลิ้งลงมาจาก
ภูเขาหิมะ จากก้อนเล็กๆ
มันจะค่อยขยายเป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้น
และใหญ่ขึ้น จนมีขนาดมหึมา
ตามระยะทางที่มาเคลื่อนที่ลงมา
”
.
และคุณเชื่อไหมครับว่า
ดอกเบี้ยทบต้น หรือ
Compound Interest
คือกลยุทธ์สำคัญในการสร้าง
ความมั่งคั่งของ warren buffet
.
ซึ่งแน่นอนมันไม่ได้
สงวนลิขสิทธิ์ไว้เฉพาะ
Warren Buffet
เมื่อเป็นกลยุทธ์ที่ใครๆ
ก็นำมาใช้ได้
.
ดังนั้นหากคุณ
ยังไม่เริ่มการใช้
พลังของดอกเบี้ยทบต้น
ก็เริ่มซะตอนนี้เลยครับ
.
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่สาม
คือ หลีกเลี่ยง
นิสัยเงินเฟ้อ
.
คนส่วนใหญ่
เมื่อมีรายได้มากขึ้น
รายจ่ายก็มักจะมากขึ้น
เพราะเมื่อเงินรายได้มากขึ้น
ก็มักจะเกิดความอยากได้อยากมี
มากขึ้น
.
พฤติกรรมข้างต้นเรียกว่า
“นิสัยเงินเฟ้อ”
.
สาเหตุของนิสัยเงินเฟ้อ
ส่วนใหญ่มักจะมาจาก
การเปรียบเทียบกับ
คนอื่นๆ เช่น
“เพื่อนฉันมี
ฉันก็ต้องมี
เพราะถ้าไม่มี
ฉันจะน้อยหน้า”
.
ดังนั้นโปรด
หยุดเปรียบเทียบ
.
นิสัยเงินเฟ้อ
ทำให้คนส่วนใหญ่
มีเงินไม่พอใช้
หรือไม่ ก็ชักหน้า
ไม่ถึงหลัง
.
คุณไม่จำเป็นต้องใช้
กระเป๋า แบรนด์เนม
รองเท้า แบรนด์เนม
และอื่นๆ ที่เป็น
แบรนด์เนม
.
คุณไม่จำเป็นต้อง
Upgrade โทรศัพท์
หรืออุปกรณ์เทคโนโลยี
ของคุณทุกปี
ถ้าหากไม่มีความจำเป็น
.
คุณไม่จำเป็นจะต้อง
มีพฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน
เหมือนคนอื่นๆ
.
แต่คุณจำเป็นจะต้อง
ใช้จ่ายเงินของคุณ
อย่างมีวัตถุประสงค์
ที่จำเป็น หรือ เหมาะสม
ที่จะไม่นำไปสู่การสร้าง
“นิสัยเงินเฟ้อ”
.
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่สี่
คือ มันคือความเสี่ยง
หากคุณมีรายได้เพียง
แหล่งเดียว
.
ในโลกที่เต็มไปด้วย
ความไม่แน่นอน
และเปี่ยมไปด้วยความเสี่ยง
.
วันดี คืนดี โควิด
ก็ระบาดไปทั่วโลก
.
วันดี คืนดี
AI อาจจะทำให้คุณ
ตกงาน
.
วันดี คืนดี
สงครามอีกในซีกโลก
หนึ่ง ทำให้บริษัท
คุณขายของไม่ได้
.
และอีกหลายๆ
วันดี คืนดี
ที่มันไม่ค่อยดีต่อชีวิต
ที่จะมาเยือนเรา
ได้ในทุกขณะจิต
.
นี่คือความไม่แน่นอน
และความเสี่ยงที่มี
ต่อศักยภาพในการ
สร้างรายได้ของคุณ
.
ดังนั้นรายได้แหล่งเดียว
จึงถือว่าเป็นเรื่องที่
เสี่ยงมากๆ สำหรับ
คนในยุคนี้
.
ดังนั้น คุณต้องมี
แหล่งรายได้อย่างน้อย
สองแหล่ง
.
Warren Buffet
ได้กล่าวไว้ว่า
“Don’t put
All your eggs
In one basket”
.
ซึ่งมีความหมาย
แปลแบบตรงตัวว่า
“อย่าเอาไข่
ที่คุณมี
ทั้งหมดไปใส่ไว้ใน
ตะกร้าใบเดียว”
.
เพราะถ้าตะกร้านี้
ตก ไข่ทั้งหมดก็จะแตก
.
ตะกร้าก็เปรียบเหมือน
แหล่งรายได้
.
ไข่ก็อาจจะเปรียบได้
กับเงินหรือพลังกาย
พลังใจ พลังสมอง
ที่เราเอาไปลงทุน
ในตะกร้าใบนั้น
ที่เปรียบได้กับ
แหล่งรายได้
.
ดังนั้นคุณจึงจำเป็น
ต้องมีอย่างน้อย
สองตะกร้า หรือ
สองแหล่งรายได้
.
เพราะถ้าใบหนึ่ง
ตกแตก ก็ยังมี
อีกใบที่ยังสร้างรายได้
ให้คุณ
.
แต่ถ้าคุณมีกำลัง
หรือมีเวลาพอ
ที่จะบริหารจัดการ
คุณก็อาจจะมีมากกว่า
สองตะกร้าก็ได้
.
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่ห้า
คือ ต้องมีเงินสำรอง
รองรับยามฉุกเฉิน
.
ดังที่กล่าวไปข้างต้น
ในกฎทองทางการเงิน
ข้อที่สี่ว่า
.
เรา ซึ่งหมายถึง คุณ, ผม
และผู้คนในโลกใบกลมๆ ใบนี้
กำลังมีชีวิตอยู่ท่ามกลาง
ความไม่แน่นอน และ
ความเสี่ยง ที่จะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งดี และร้าย ในทุกขณะจิต
.
หรือแม้ในชีวิตประจำวัน
ก็อาจจะมีเรื่องราวที่ไม่คาดคิด
มาก่อนเกิดขึ้น
ซึ่งทำให้เราต้องใช้จ่ายเงิน
เช่น คนในครอบครัวป่วย
หรือ รถเสีย หรือ ซ่อมแซม
บ้านที่ชำรุด และอื่นๆ
.
ดังนั้นคุณจำเป็นต้องมีเงิน
สำรองเอาไว้ รองรับ
เมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
มาก่อนไว้เสมอ
.
เพราะถ้าไม่มีเงินสำรอง
สิ่งที่จะเกิดขึ้น ก็คือ
การไปกู้หนึ้ ยืมสิน
เพื่อมารองรับสิ่งต่างๆ
ที่กล่าวไปข้างต้น
.
สำหรับเงินสำรอง
นี้ ควรจะมีเท่าไหร่ดีล่ะ
.
คุณควรจะมีเงินสำรอง
ประมาณสามเท่า
ของเงินค่าใช้จ่ายรายเดือน
.
หรือพูดง่ายๆ สามารถมี
ชีวิตประจำวันได้
ไปสามเดือน ถึงแม้
จะไม่มีรายได้อะไร
เข้ามาเลย
.
ก่อนที่จะไปสู่
กฎทองทางการเงิน
ข้อที่ 6
ผมขอตอกย้ำอีกครั้งว่า
เงินสำรอง นี้ เป็นอีกก้อนหนึ่ง
ที่เป็นเงินต้องห้าม
คือไม่ต้องไปยุ่งกับมัน
หากไม่มีสถานการณ์อะไร
ที่จะต้องใช้มัน
อาจจะเก็บไว้ในธนาคาร
กินดอกเบี้ยทบต้นไป
.
และ กฏทองทางเงิน
ข้อสุดท้าย ก็คือ
.
กฎทองทางการเงินข้อที่หก
อย่าหยุดเติมความรู้
เรื่องการเงิน
.
ท่านเคยได้ยิน
สุภาษิตนี้ไหมครับ
.
สุภาษิตนี้ก็คือ
“Knowledge is power”
หรือ
“ความรู้ คือ อำนาจ”
.
ในทำนองเดียวกัน
“ความรู้ทางด้านเงิน
ก็คือ อำนาจทางการเงิน”
.
เมื่อคุณมีความรู้ทางด้านการเงิน
คุณก็จะมีอำนาจทางด้านการเงิน
หรือมีอำนาจที่จะทำให้คุณมั่งคั่ง
.
อย่างไรก็ตาม ความรู้ทางด้านการเงิน
ในโลกยุคดิจิทัล มีเรื่องใหม่ๆ
เกิดขึ้นมาตลอดเวลา
และที่สำคัญความรู้เดิมๆ
ทางด้านการเงิน
บางความรู้ อาจจะล้าสมัย
อาจจะตกยุค
.
ด้วยสาเหตุนี้เอง
คุณจึงจำเป็นที่จะต้อง
Update
ความรู้ทางด้านการเงินอยู่เสมอ
.
นอกจากตัวคุณเอง แล้ว
คุณควรถ่ายทอดความรู้เรื่อง
การเงินที่คุณได้เรียนรู้
และ Update
ให้กับคนในครอบครัว
และคนที่คุณรักด้วย
เพราะนอกจาก
จะทำให้คุณมั่งคั่งแล้ว
คนรอบๆ ตัวคุณ
ก็จะกลายเป็นคนมั่งคั่ง
ตามไปด้วย
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีใช่ไหมครับ
.
นี่คือ 6 กฎทองทางการเงิน
ที่จะทำให้คุณรวยแบบไม่รู้จบครับ
.
อย่างไรก็ตามนะครับ
ในโลกความเป็นจริง
อาจจะมีบางคน
ที่สามารถทำได้ทั้ง 6 กฎ
.
อาจจะมีบางคน
ที่สามารถทำได้บางกฎ
.
และอาจจะมีบางคน
จะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่
ที่อาจจะทำไม่ได้สักกฎเลย
.
ข้อแนะนำของผมคือ
ขอให้ทุกท่านลองทบทวน
ตนเองว่าเป็นอย่างไร
.
โดยเฉพาะท่านที่ทำได้บางกฎ
หรือทำไม่ได้เลยสักกฎ
.
ถ้าหากต้องการเริ่มต้นใหม่
ด้วยการปฏิบัติตาม 6 กฎทอง
ทางการเงิน ก็ย่อมทำได้เสมอ
แต่อาจจะยาก หรือ ง่าย
ก็แล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละคน
.
ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้
หรือเปลี่ยนแปลงได้
หากเราต้องการเปลี่ยนแปลง
.
ผมขอสรุปทั้ง 6 กฎอีกครั้งดังนี้
กฎทองการเงินข้อที่หนึ่ง
อย่าใช้จ่ายมากกว่าเงินที่หาได้
.
กฎทองการเงินข้อที่สอง
คือ ใช้เงินทำงาน
.
กฎทองการเงินข้อที่สาม
คือ หลีกเลี่ยงนิสัยเงินเฟ้อ
.
กฎทองการเงินข้อที่สี่
คือ มันคือความเสี่ยง
หากคุณมีรายได้แหล่งเดียว
.
กฎทองการเงินข้อที่ห้า
คือ ต้องมีเงินสำรอง
ไว้ยามฉุกเฉิน
.
และ กฎทองการเงินข้อที่หก
อย่าหยุดเติมความรู้เรื่องการเงิน
Comment