7 สิ่งที่ผมเรียนรู้จาก  Micheal lim ผู้สร้างรายได้ 600,000 บาท/เดือน

 04 พ.ย. 2566 11:50 น.    เข้าชม 83    Managing Yourself
7 สิ่งที่ผมเรียนรู้จาก  Micheal lim ผู้สร้างรายได้ 600,000 บาท/เดือน

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้อ่านบทความเรื่อง 7 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของ Micheal Lim ใน 6 เดือน

 

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Micheal Lim ก่อน

Micheal Lim เป็น Content Creator และ เป็น Digital Nomad

เขาเขียนบทความของเขาลงใน medium.com

 

เจ้า Medium.com นี้เป็น เว็บไซด์ที่มีงานเขียนจากนักเขียนจากทั่วโลก

มีเรื่องราวต่างๆ มากมายให้ได้เรียนรู้ ตามความสนใจของแต่ละคน

 

ขอย้อนกลับมาที่เรื่องราวของ Micheal Lim ครับ

 

ด้วยความที่ Micheal Lim ดำรงชีวิต ทำมาหาเลี้ยงชีพ

ในแบบ Digital Nomad ซึ่งทำงานที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้

ขอให้มีแค่ Notebook ซักเครื่อง และมีอินเทอร์เน็ต

ดังนั้น เขาจึงมักเดินทางไป ทั่วโลก

 

และเมื่อเร็วๆ นี้ Micheal Lim เดินทางไปในหลายๆ ที่ใน Asia

ความเพลิดเพลินจากการเดินทาง ทำให้เขาลืมดูเรื่องเงินๆ ทองๆ ของธุรกิจของเขา

และเหตุการณ์นี้เกือบทำให้ธุรกิจของเขาพัง

 

การที่เขาต้องประสบกับเหตุการณเยี่ยงนี้ ทำให้เขาถึงกลับต้องหลั่งน้ำตาเลยทีเดียว

 

แต่ไม่ว่า ชีวิตเขาจะย่ำแย่ จากความประมาทจนทำให้ธุรกิจของเขาเกือบพัง

เขาบอกว่า “ชีวิตข้าต้องเดินหน้าต่อไป” หรือ “The Show Must go on”

 

ด้วยสไตล์การคิดแบบ “นักสู้” ทำให้เขาพลิกธุรกิจของเขา

ให้กับมามีรายได้กว่า 600,000 บาทต่อเดือน ภายในเวลา 6 เดือน

 

คุณอยากรู้ใช่ไหม ว่า Micheal ทำอย่างไร

 

Micheal เล่าให้ฟังว่า เขา ใช้ 7 สิ่ง หรือ 7 เคล็ดลับต่อไปนี้

ที่ช่วยให้เขาสามารถสร้างรายได้ไปถึง 600,000 บาทต่อเดือน ภายใน 6 เดือน

 

สิ่งที่หนึ่ง คือ เขา Focus ที่วิธีการแก้ไขปํญหา

เขาถามตนเองว่า

“อะไรคือปัญหาหนักๆ ที่เราจะสามารถจัดการมันได้ภายชั่วโมงถัดไป”

 

การตั้งคำถามแบบนี้ ทำให้เขาลืมความเครียดความกังวล

จากสถานการณ์ “ถังแตก” ที่เขากำลังเจออยู่

เมื่อจัดการกับปัญหาตรงหน้าให้ได้ แล้วปัญหาต่อไปมันจะง่ายขึ้น

 

สิ่งที่ผมเรียนรู้ จากสิ่งที่ Micheal ทำในข้อหนึ่ง ก็คือ

ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร จะเดินหน้า สู่ความสำเร็จ

หรือ ถอยห่างจากความสำเร็จ ก็คือ การที่เราต้องรู้จัก

ตั้งคำถามกับตนเอง หรือ คุยกับตนเอง

หรือ เราต้องเรียนรู้การเป็นโค้ช ให้กับตนเองนั่นเอง

 

สอง เข้าร่วม ชุมชน Creator ที่กระหายความสำเร็จ

เรามักจะได้ยินคำกล่าว ประโยคนี้ อยู่บ่อยๆ

“อยู่ใกล้กับคนประเภทไหน เราก็จะกลายเป็นคนประเภทนั้น”

หรือ สุภาษิตไทย ที่ผมได้ยินมาตั้งแต่ผมเป็นเด็ก เช่น

“คบคนพาลพานพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”

 

Micheal เข้าใจในข้อเท็จจริงข้อนี้เป็นอย่างดี

 

การหาเลี้ยงชีพ ด้วยการเป็น Content Creator

เขาก็ต้องไปคลุกคลีตีโมง กับ เหล่า Content Creator

ที่กระหายความสำเร็จ

 

การที่จะเข้าไปคลุกคลีตีโมง กับ เหล่า Content Creator

ที่กระหายความสำเร็จได้ ก็คือ การต้องเข้าไปร่วมในชุมชน Creator นั่นเอง

 

การที่ Micheal เข้าไปคลุกคลีกับผู้คนเหล่านี้

ทำให้ Micheal ได้ไอเดียอะไรใหม่ๆ ได้ข้อมูลใหม่ๆ

ที่จะทำให้ Content ที่เขาสร้างขึ้นนั้น มีคุณภาพมากขึ้น

มีความน่าสนใจมากขึ้น มีความแปลกมากขึ้น

และแน่นอน Content เหล่านี้จะดึงดูด

ผู้คนมากขึ้น เมื่อคนมาดู Content เขามากขึ้น

รายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้น

 

สาม จ้าง Coach

นักกีฬาเจ๋งๆ หรือ ผู้บริหารชั้นยอดในโลกนี้

ทุกคนล้วนแล้วแต่มี Coach

เพราะอะไร คนเจ๋งๆ หรือ คนชั้นยอด จึง

ต้องการ Coach

 

เราต้องยอมรับว่า ไม่มีใครในโลกที่มองเห็น

ขนตาของตัวเอง คนที่จะเห็นขนตาของเราเอง

ก็เป็นคนอื่นๆ หรือ เราต้องไปยืนหน้ากระจก

 

ในทำนองเดียวกัน ในบางเรื่อง

ในบางมุม ที่เรา อาจจะมองไม่เห็น

บางสิ่งของตนเอง ต้องอาศัยคนนอก

ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย มาช่วยมอง

 

การที่มีคนนอกมาช่วยมอง จะช่วย

สร้าง Short Cut แห่งความสำเร็จ

ได้เร็ว กว่า การที่เราจะลองผิดลองถูก

ด้วยตนเราเอง

 

Micheal เข้าใจในเรื่องนี้ เป็นอย่างดี

ว่าการมี Coach จะช่วยสร้าง

Shortcut สู่

ความสำเร็จให้กับ Micheal

เพราะว่าหากเขาพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง

เขาอาจจะใช้เวลา 10 ชั่วโมง

แต่หากมี Coach เขาจะใช้เวลา

เพียง 1 ชั่วโมง

ดังนั้นการลงทุนมี Coach

จึงคุ้มค่ามาก

 

สี่ เหนื่อยนัก ก็ต้องพักหน่อย

คุณเคยหรือไหม ที่บางครั้งต้องการ

ทำงานหลายๆ งานให้เสร็จ

แบบว่า อดตาหลับ ขับตานอน

ท้ายที่สุดแล้ว งานก็ไม่เสร็จ

แล้วงานที่ทำไปแล้วบางส่วน

กลับไม่มีคุณภาพอีกด้วย

 

Micheal ก็ได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงนี้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นหากเหนื่อย แล้วไปฝึนทำ

มันจะยิ่งแย่ และผลงานก็ไม่ดี

ดังนั้น หากเหนื่อยนัก ก็พักหน่อย

แล้วค่อยกลับไปทำใหม่

 

วิธีการพักเหนื่อยของ Micheal แนะนำ

ไม่มีอะไรยาก และสุดแสนจะธรรมดา

เช่น การออกไปเดินในสวนสาธารณะ ที่ไม่มีอะไรรบกวน

หรือ หาเวลาออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสาย

 

ห้า อย่าปล่อยให้ความรู้สึกลบๆ ค้างคาในใจ

คนเราจะทำอะไรได้ดี หรือ ไม่ดีนั้น

อารมณ์ความรู้สึก ที่ผุดออกมาในห้วงความคิด มีผลอย่างอย่างยิ่ง

 

ถ้าอารมณ์ความรู้สึกของเราดี อะไรๆ มันก็ดีไปหมด

แต่ถ้าอารมณ์เราขุ่นมัว อะไรๆ มันก็ดูแย่ไปหมด

 

การที่อารมณ์ความรู้สึกของเราจะดี หรือ ขุ่นมัว

ก็ขึ้นอยู่ว่าเราสะสมความคิด ความเชื่อ อะไร

ไว้ในจิตใต้สำนึกของเรา

 

ถ้าเราสะสมสิ่งลบๆ ไว้เยอะ อารมณ์ความรู้สึก

ส่วนใหญ่ของเรา ที่ปรากฏออกมาให้เรารู้สึก

ก็จะมีแต่ความรู้สึกลบๆ แน่นอนผลลัพธ์

จากการกระทำของเรา มันอาจจะไม่ค่อยดีนัก

 

Micheal จัดการกับความรู้สึกลบๆ

ด้วยการกลับเข้าไปปลดล๊อกความคิด

ความเชื่อเหล่านั้น เพราะเขารู้ดีว่า

เพราะยิ่งปล่อย มันยิ่งสะสม

และมันจะเป็นตัวถ่วง

 

ดังนั้นเขาจะไม่รีรอที่จะจัดการกับความรู้สึกลบๆ

เหล่านี้

 

หก อย่าปล่อยให้มีสิ่งมารบกวนการ Focus ของเรา

ในยุคดิจิทัลมีสิ่งมาล่อตาล่อใจเรามากมายมหาศาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลข่าวสารจาก Social Media

ที่ส่งมาที่มือถือของเรา

 

Micheal จัดการสิ่งนี้ ด้วยการวางแผนจัดลำดับความเร่งด่วน

และห้วงเวลาในการทำกิจกรรมของเขาในแต่ละวัน

ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนการบรรลุเป้าหมายของกิจกรรมนั้น

 

ยกตัวอย่างเช่น

ในตอนเช้า เขาจะทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์

เช่น เขียนบทความ โดยจะใช้เวลา 60-90 นาที

และจะเอามือถือมาไว้ใกล้ๆ หรือ ปิดมือถือไปเลย เป็นต้น

 

เจ็ด คนบางคน เราก็ต้องปล่อยให้เขาไปตามทางเขา

ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง ย่อมจะต้องพบเจอ

กับคนมากมายหลายประเภท

 

การที่เราได้พบเจอผู้คนเหล่านั้น มักจะก่อให้

เกิดสัมพันธภาพต่อกัน

 

กับคนบางคน ความสัมพันธ์นั้นบางครั้งอาจจะสั้น ประเดี๋ยวประด่าว

กับคนบางคน ความสัมพันธ์อาจจยาวนาน ยืนยาว

 

Micheal  กล่าว บางครั้งเมื่อความสัมพันธ์จำเป็นต้องสิ้นสุด

เราก็ต้องปล่อยมันไป หรือ รู้จักปล่อยวางนั่นเอง

 

Micheal ปิดท้ายเรื่องราวของเขา ในแบบที่โดนใจผมมาก

นั่นคือ Micheal บอกว่า เขาขอบคุณเหตุการณ์แย่ๆ

ที่เกิดขึ้นกับเขา เพราะเหตุการณ์เหล่านี้

ทำให้เขาต้องเปลี่ยนตัวเขาให้ดีขึ้น

คุณล่ะครับคุ้นกับเหตุการณ์แบบนี้ไหม

ในขณะที่คุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ คุณทำอย่างไร

และหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ขึ้นอีก

คุณจะทำเหมือนกับที่ Micheal หรือไม่

.

ถ้าหาก ถามผมนะ ผมทำตามแบบ

ที่ Micheal ทำแน่นอน

เพราะอะไร เพราะชีวิตของเราต้องก้าวเดินต่อไป

หรือ The Show must go on

https://medium.com/illumination/i-completely-changed-my-life-in-less-than-6-months-here-are-the-seven-things-i-did-steal-them-5ac050a1ffd1


Comment